วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสดใส



สัญญาณบวกศก.ทะลัก 11 ซีอีโอฟันธงครึ่งปีหลังไร้เสี่ยง มั่นใจ''จีดีพี''ทะยานข้ามปี แนะต้องเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ไทยสู่สายตาโลก
Source - ฐานเศรษฐกิจ (Th)
                  ซีอีโอธุรกิจมองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังมีแต่สัญญาณบวก หลายตัวแปรฉุดเศรษฐกิจไทยฟื้น ทั้งการลงทุนภาครัฐ-เอกชน-การบริโภค ท่องเที่ยว เป็นเฟืองจักรขับเคลื่อนหลัก ประสานเสียงมั่นใจ หนุนจีดีพีโตเกิน 2% ส่งผลดีต่อเนื่องถึงปีหน้าแน่ แนะต้องเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ไทยสู่สายตาโลก ททท.ส่งแพ็กเกจคุ้มครองทัวริสต์หัวละล้าน ดึงนักท่องเที่ยวกลับ
                  กว่า 2 เดือนนับจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามากุมชะตาประเทศไทย ประกาศคืนความสุขให้กับประชาชน โดยการยุติภาวะเผชิญหน้า รวมถึงการโหมโรงด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปลดล็อกข้อจำกัดการจ่ายเงินให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2556/2557 รวมถึงเร่งใช้จ่ายงบค้างท่อปี 2557 และผลักดันงบปี 2558 ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดยังไม่นับการเดินหน้าจัดระเบียบสังคมขจัดห่วง โซ่คอร์รัปชัน ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยบวกช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา
                  ล่าสุด " ฐานเศรษฐกิจ" ประมวลความคิดเห็นจากซีอีโอภาคเอกชนถึงมุมมองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังโดยซีอีโอ มองไปในทิศทางเดียวกันว่าในระหว่างเดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็น 6เดือนหลังของปีจะมีแต่สัญญาณบวก เพราะมีหลายตัวแปรฉุดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและจะได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องถึงปี 2558
                  ได้แรงหนุน3ปัจจัยอัดศก.ฟื้น
                  นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี เปิดเผย " ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกปี 2557 ได้รับแรงกดดันรอบด้านโดยสถานการณ์การเมืองในประเทศ ส่งผลกระทบทำให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนซบเซาลง ประกอบกับการส่งออกที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หน้านี้ และเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังปี 2557 จะเป็นภาพที่กลับกัน เมื่อปัญหาการเมืองมีทางออกมากขึ้นรวมทั้งความพยายามในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ของคสช.ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ช่วยเสริมความมั่นใจให้แก่ภาคประชาชนและธุรกิจได้ค่อนข้างมาก ซึ่งเมื่อรวมกับทิศทางการส่งออกที่น่าจะมีภาพการขยายตัวที่ดีขึ้นกว่าครึ่ง ปีแรก และการท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคักในช่วงปลายปี จะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวกลับคืนมาได้ซีอีโอเอส ซีจียังขยายความว่าในครึ่งปีหลังนี้ เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงหนุนจาก 3 ปัจจัยบวกที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนโดยเฉพาะการใช้จ่ายภาครัฐบาลที่จะมีความต่อ เนื่องมากกว่าเดิมจะช่วยเสริมให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่อยู่ในระยะ ฟื้นตัวปรับตัวดีขึ้นตามลำดับด้วย
                  ลงทุนทางตรง/หุ้น-ตราสารเพิ่ม
                  ขณะที่นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตสูงขึ้นมากในครึ่งปีหลังนี้ ตัวเลขที่กล่าวถึงกันคืออัตราเติบโต 4% จะทำให้ทั้งปีโตกว่า 2% จากผลต่อเนื่องนโยบายที่ค่อนข้างชัดในการอัดฉีดเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่เงินที่ชาวนาได้รับจากการจำนำข้าวเข้ามาหมุนเวียนในระบบ มีการใช้จ่ายมากขึ้น  ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนทั้งทางตรงและที่ไหลเข้ามาลงทุนในตราสารและ หุ้น รวมถึงมีการใช้จ่ายจากภาครัฐ จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะเริ่มปรากฏว่าเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ชัดเจนในช่วงจากนี้เป็นต้นไปและจะปรากฏชัดมากขึ้นในปีหน้า 2558
                  นอกจากนี้ยังมองว่าการลงทุนใหม่ที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริม การลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ทั้งทุนไทยและทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากเพราะโครงการเหล่านี้มีความพร้อมและรอคอย มาเป็นเวลานาน จะสามารถพัฒนาได้เร็ว มีผลต่อการใช้จ่ายและการจ้างงานทั้งหมดนี้รวมกันจะเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจ เติบโตเร็ว
                  ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่ม
                  สอดรับกับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)มอง ว่า เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น ดูได้จากตัวชี้วัด เช่น ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม กลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 60.7 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และปรับขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 65.3 ในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ระดับ 85.1 เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
                  ทั้งนี้ผลที่เกิดขึ้นมาจากที่คสช.สามารถดำเนินมาตรการต่างๆ ได้รวดเร็วและชัดเจน โดยเฉพาะการเร่งรัดพิจารณาอนุมัติโครงการขอส่งเสริมการลงทุนที่ค้างอยู่กว่า 7 แสนล้านบาท และประกาศโรดแมปทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองอย่างชัดเจน มาตรการเหล่านี้จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้ รวมถึงผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
                  " หลายมาตรการจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าขยายตัวได้ 3-5% เปรียบเทียบกับเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรก ซึ่งมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลให้เศรษฐกิจแทบไม่ขยายตัวเลย ขณะที่ด้านการส่งออกคาดว่าครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ในกรอบ 3-5% จากปัจจัยบวกต่างๆ เหล่านี้จะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยปี 2557 ขยายตัวได้ 2-2.5% และส่งผลดีให้เศรษฐกิจปี 2558 ขยายตัวได้สูงถึง 4%"
                  ต้องการที่อยู่อาศัยยังมีต่อเนื่อง
                  นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) (บมจ.) หรือ PS กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก มีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น ความเชื่อมั่นภาคการลงทุนเพิ่มขึ้น และกำลังซื้อจะกลับมา เนื่องจากปัจจัยบวกในปี 2557 คือเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่น มีแนวโน้มฟื้นตัว  ภาคการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น  การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ ต้นทุนค่าก่อสร้างและภาวะการขาดแคลนแรงงานอาจไม่สูงขึ้นเท่าที่เคยคาดการณ์ ไว้ (จากการยกเลิกนโยบาย 2 ล้านล้านบาทบางส่วน) และความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
                  แบงก์มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
                  ด้านสถาบันการเงิน นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทยมองว่า  ภาวะเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมีแนวโน้มดีขึ้นหลังการเมืองมีความ ชัดเจน ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 4.2% และทั้งปีจะโต 2% ต่อเนื่องถึงปี 2558 คาดว่าจะโต 3.5-4.5%
                  มั่นใจส่งออกโตไม่น้อยกว่า 3%
                  สอดคล้องกับนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทรูบิคอนฯ ที่กล่าวว่าครึ่งปีหลัง ต้องดีกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน และมั่นใจว่าจีดีพีทั้งปีโต 2% บวก  ขณะที่ภาคส่งออกสุดท้ายแล้วเชื่อว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 3% ผู้ส่งออกมีการรุกหนักตลาดเก่าและเพิ่มบทบาทในตลาดใหม่มากขึ้น โดยภาพรวมที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้นเกิดจากที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเหตุที่คสช.ผลักดันงบประมาณค้างท่อปี 2557 นำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ ส่วนงบประมาณปี 2558 ก็มีความคืบหน้า  ขณะที่ภาคท่องเที่ยวก็มีการผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น โดยมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับจีนและไต้หวัน  รวมถึงให้มีวันหยุดติดต่อกันเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว และจากนี้ไปคาดว่าในประเทศไทยจะมีงานประชุมและสัมมนามากขึ้น
                  แนะฟื้นฟูภาพลักษณ์ตปท.
                  อย่างไรก็ตามนับจากนี้ไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจับมือกับภาคเอกชนร่วม กันฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศ ไทย โดยชี้แจงผ่านหอการค้าต่างประเทศ และเน้นให้กระทรวงการต่างประเทศทำงานในเชิงรุกมากขึ้น รวมถึงการผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ทั้งรถไฟรางคู่ ถนน และขนส่งทางน้ำ และการดูแลการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
                  " สมคิด" ทูตเจรจาฟื้นเชื่อมั่น
                  นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวนคร จำกัด(มหาชน) (บมจ.) กล่าวให้ความเห็นว่าจากนี้ไปคสช.จะต้องจับมือกับบริษัทเอกชนเพื่อจัดสรรงบลง สื่อต่างประเทศในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย โดยเลือกบุคคลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับต่างชาติ เช่น ศาสตราภิชาน ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาทำหน้าที่ทูตพิเศษ เพื่อชี้แจงความเชื่อมั่น และร่วมมือกับพันธมิตรแสดงความเห็นต่อประเทศไทยถึงบรรยากาศภายในประเทศในสาย ตาต่างชาติ รวมถึงการเปิดช่องให้สื่อต่างชาติสัมภาษณ์
                  ทุนเอฟดีไอเดินสายดูพื้นที่40%
                  นายนิพิฐกล่าวย้ำว่าการสร้างภาพลักษณ์การลงทุนไทยในสายตาต่างชาติเริ่มดี ขึ้นตามลำดับ วัดได้จากขณะนี้ บรรยากาศภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร เริ่มคึกคักขึ้นแล้ว นับจากที่บีโอไอทยอยอนุมัติโครงการลงทุนที่ค้างท่อออกมา ทำให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะมีนักลงทุนกลับมาเดินสายดูพื้นที่ตั้งโรงงาน บางรายก็ตกลงซื้อที่ดิน แต่ก็เป็นสัญญาณบวกที่เกิดขึ้นแล้ว  และหากเปรียบเทียบเป็นตัวเลขจากที่เคยมีนักลงทุนใหม่เข้ามาติดต่อกับบริษัท 100% ขณะนี้ก็กลับมาแล้ว 40% โดยนับจากนี้ไปภาพการลงทุนใหม่จากทุนต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่น จีน และสิงคโปร์จะเพิ่มขึ้น
                  ด้านนายทวิช เตชะนาวากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด ผู้บริหาร นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) จะคึกคักขึ้นโดยมีเครื่องมือ 3 ทางเป็นตัวช่วยคือ 1.บีโอไอเดินสายโรดโชว์เรียกความเชื่อมั่น 2. กระทรวงพาณิชย์ใช้ช่องทางการทูตประชาสัมพันธ์และมองหาตลาดใหม่ 3.กระทรวงการต่างประเทศเร่งชี้แจงปัญหาการเมืองคลี่คลาย ถ้า 3 ทางนี้ทำได้พร้อมกันจะเกิดผลเชื่อมโยงมาถึงภาคการท่องเที่ยวที่อีก 2 เดือนนับจากนี้ไปก็เข้าสู่ฤดูไฮซีซันแล้วในช่วง 3 เดือนสุดท้าย
              เช่นเดียวกันกับนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีล จำกัด (มหาชน) (บมจ.) ที่ระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสดใส แตกต่างจากช่วงครึ่งปีแรกอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คสช. ก็ตั้งเป้าหมายว่า ภายในเดือนกันยายนนี้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ทำให้โครงการลงทุนต่างๆ ขับเคลื่อนไปได้อย่างคล่องตัว  โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภค ก็จะดีขึ้นด้วย ทั้งหมดจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังขยายตัวเป็นบวก
                  กำลังซื้อฟื้นตัวต่อเนื่อง
                  นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (บมจ.) กล่าวว่า กำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่ยังไม่กลับมาเป็นปกติเพราะว่านักท่องเที่ยวยังไม่กลับเข้ามาเที่ยวเหมือน ช่วงก่อนหน้า จึงต้องใช้เวลาอีกสักระยะที่สำคัญ คสช.จะต้องไม่มีปฏิ กิริยาที่ทำให้ชาวต่างชาติกังวล และคงจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้นด้วย
                  สัญญาณดีแต่บุ๊กกิ้งยังไม่สูง
                  นางพงา วรรธนะกุล  กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจเครือโรงแรม รอยัลคลิฟ และศูนย์ประชุมพีช พัทยา ให้ความเห็นต่อแนวโน้มการท่องเที่ยวช่วงครึ่งหลังของปีนี้ว่า ยอดการจองห้องพักล่วงหน้ายังไม่สูงเท่าที่ควร ขณะที่ช่วงไฮซีซันนี้ก็ยังมีแนวโน้มเงียบเหงากว่าทุกปี ส่วนฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่อย่างกลุ่มคอร์ปอเรต จัดประชุมสัมมนา ยังไม่ตัดสินใจจองห้องพัก เนื่องจากประกันภัยยังไม่คุ้มครองจากการออกประกาศเตือนการเดินทางมาไทยของ ประเทศต่างๆ
                  คุ้มครองทัวริสต์หัวละล้าน
                  นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวัน ออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ททท.ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในโครงการ " ประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ" ร่วมกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยหรือ คปภ. และบริษัทประกันภัย 4 บริษัท เพื่อร่วมโปรโมตแพ็กเกจประกันภัยนักท่องเที่ยว (ทราเวลแพลน) ภายใต้คอนเซ็ปต์ " ไทยแลนด์ ทราเวลชีลด์ (Thailand Travel Shield)" โดยคุ้มครองนับตั้งแต่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย คุ้มครองในวงเงิน 1 ล้านบาท กรณีเกิดอุบัติเหตุ ลักทรัพย์ ตลอดจนไฟลต์บินดีเลย์คาดว่าจะสามารถขายแพ็กเกจดังกล่าวได้ภายในอาทิตย์หน้า"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น