สัญญาณบวกศก.ทะลัก 11 ซีอีโอฟันธงครึ่งปีหลังไร้เสี่ยง มั่นใจ''จีดีพี''ทะยานข้ามปี แนะต้องเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ไทยสู่สายตาโลก
Source - ฐานเศรษฐกิจ (Th)
ซีอีโอธุรกิจมองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังมีแต่สัญญาณบวก
หลายตัวแปรฉุดเศรษฐกิจไทยฟื้น ทั้งการลงทุนภาครัฐ-เอกชน-การบริโภค
ท่องเที่ยว เป็นเฟืองจักรขับเคลื่อนหลัก ประสานเสียงมั่นใจ
หนุนจีดีพีโตเกิน 2% ส่งผลดีต่อเนื่องถึงปีหน้าแน่
แนะต้องเร่งฟื้นฟูภาพลักษณ์ไทยสู่สายตาโลก
ททท.ส่งแพ็กเกจคุ้มครองทัวริสต์หัวละล้าน ดึงนักท่องเที่ยวกลับ
กว่า 2 เดือนนับจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
เข้ามากุมชะตาประเทศไทย ประกาศคืนความสุขให้กับประชาชน
โดยการยุติภาวะเผชิญหน้า รวมถึงการโหมโรงด้านเศรษฐกิจ
โดยเฉพาะปลดล็อกข้อจำกัดการจ่ายเงินให้กับชาวนาในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก
ปีการผลิต 2556/2557 รวมถึงเร่งใช้จ่ายงบค้างท่อปี 2557 และผลักดันงบปี
2558
ให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนดยังไม่นับการเดินหน้าจัดระเบียบสังคมขจัดห่วง
โซ่คอร์รัปชัน ทั้งหมดนี้ถือเป็นปัจจัยบวกช่วยพลิกฟื้นความเชื่อมั่นกลับมา
ล่าสุด " ฐานเศรษฐกิจ"
ประมวลความคิดเห็นจากซีอีโอภาคเอกชนถึงมุมมองเศรษฐกิจครึ่งปีหลังโดยซีอีโอ
มองไปในทิศทางเดียวกันว่าในระหว่างเดือนมิถุนายน-ธันวาคม 2557 ซึ่งเป็น
6เดือนหลังของปีจะมีแต่สัญญาณบวก
เพราะมีหลายตัวแปรฉุดเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวและจะได้รับอานิสงส์ต่อเนื่องถึงปี
2558
ได้แรงหนุน3ปัจจัยอัดศก.ฟื้น
นายกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี เปิดเผย "
ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยครึ่งปีแรกปี 2557
ได้รับแรงกดดันรอบด้านโดยสถานการณ์การเมืองในประเทศ
ส่งผลกระทบทำให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนซบเซาลง
ประกอบกับการส่งออกที่ยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน
ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
หน้านี้ และเปรียบเทียบกับช่วงครึ่งปีหลังปี 2557 จะเป็นภาพที่กลับกัน
เมื่อปัญหาการเมืองมีทางออกมากขึ้นรวมทั้งความพยายามในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
ของคสช.ที่มีมาอย่างต่อเนื่องตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา
ช่วยเสริมความมั่นใจให้แก่ภาคประชาชนและธุรกิจได้ค่อนข้างมาก
ซึ่งเมื่อรวมกับทิศทางการส่งออกที่น่าจะมีภาพการขยายตัวที่ดีขึ้นกว่าครึ่ง
ปีแรก และการท่องเที่ยวที่จะกลับมาคึกคักในช่วงปลายปี
จะเป็นแรงหนุนให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวกลับคืนมาได้ซีอีโอเอส
ซีจียังขยายความว่าในครึ่งปีหลังนี้ เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงหนุนจาก 3
ปัจจัยบวกที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักสำคัญทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ
การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชนโดยเฉพาะการใช้จ่ายภาครัฐบาลที่จะมีความต่อ
เนื่องมากกว่าเดิมจะช่วยเสริมให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่อยู่ในระยะ
ฟื้นตัวปรับตัวดีขึ้นตามลำดับด้วย
ลงทุนทางตรง/หุ้น-ตราสารเพิ่ม
ขณะที่นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท
บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
มีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโตสูงขึ้นมากในครึ่งปีหลังนี้
ตัวเลขที่กล่าวถึงกันคืออัตราเติบโต 4% จะทำให้ทั้งปีโตกว่า 2%
จากผลต่อเนื่องนโยบายที่ค่อนข้างชัดในการอัดฉีดเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้
ตั้งแต่เงินที่ชาวนาได้รับจากการจำนำข้าวเข้ามาหมุนเวียนในระบบ
มีการใช้จ่ายมากขึ้น
ภาคเอกชนมีความมั่นใจในการลงทุนทั้งทางตรงและที่ไหลเข้ามาลงทุนในตราสารและ
หุ้น รวมถึงมีการใช้จ่ายจากภาครัฐ
จากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จะเริ่มปรากฏว่าเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจได้
ชัดเจนในช่วงจากนี้เป็นต้นไปและจะปรากฏชัดมากขึ้นในปีหน้า 2558
นอกจากนี้ยังมองว่าการลงทุนใหม่ที่ได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริม
การลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ทั้งทุนไทยและทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI)
จะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากเพราะโครงการเหล่านี้มีความพร้อมและรอคอย
มาเป็นเวลานาน จะสามารถพัฒนาได้เร็ว
มีผลต่อการใช้จ่ายและการจ้างงานทั้งหมดนี้รวมกันจะเป็นตัวเร่งให้เศรษฐกิจ
เติบโตเร็ว
ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่ม
สอดรับกับนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน)มอง
ว่า เศรษฐกิจครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น ดูได้จากตัวชี้วัด เช่น
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม กลับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 60.7
เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 14 เดือน และปรับขึ้นต่อเนื่องอยู่ที่ 65.3
ในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม
อยู่ที่ระดับ 85.1 เป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน
ทั้งนี้ผลที่เกิดขึ้นมาจากที่คสช.สามารถดำเนินมาตรการต่างๆ
ได้รวดเร็วและชัดเจน
โดยเฉพาะการเร่งรัดพิจารณาอนุมัติโครงการขอส่งเสริมการลงทุนที่ค้างอยู่กว่า
7 แสนล้านบาท และประกาศโรดแมปทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมืองอย่างชัดเจน
มาตรการเหล่านี้จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นจากนักลงทุนได้
รวมถึงผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
"
หลายมาตรการจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนให้ฟื้นกลับมาโดยเร็ว
การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าขยายตัวได้ 3-5%
เปรียบเทียบกับเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรก
ซึ่งมีเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง ส่งผลให้เศรษฐกิจแทบไม่ขยายตัวเลย
ขณะที่ด้านการส่งออกคาดว่าครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ในกรอบ 3-5%
จากปัจจัยบวกต่างๆ เหล่านี้จะสนับสนุนเศรษฐกิจไทยปี 2557 ขยายตัวได้ 2-2.5%
และส่งผลดีให้เศรษฐกิจปี 2558 ขยายตัวได้สูงถึง 4%"
ต้องการที่อยู่อาศัยยังมีต่อเนื่อง
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์
ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท
จำกัด (มหาชน) (บมจ.) หรือ PS
กล่าวถึงภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีหลังเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรก
มีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้น ความเชื่อมั่นภาคการลงทุนเพิ่มขึ้น
และกำลังซื้อจะกลับมา เนื่องจากปัจจัยบวกในปี 2557 คือเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา
ยุโรป และญี่ปุ่น มีแนวโน้มฟื้นตัว ภาคการส่งออกมีแนวโน้มดีขึ้น
การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้
ต้นทุนค่าก่อสร้างและภาวะการขาดแคลนแรงงานอาจไม่สูงขึ้นเท่าที่เคยคาดการณ์
ไว้ (จากการยกเลิกนโยบาย 2 ล้านล้านบาทบางส่วน)
และความต้องการที่อยู่อาศัยยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง
แบงก์มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว
ด้านสถาบันการเงิน นายบุญทักษ์ หวังเจริญ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย
จำกัด(มหาชน)(บมจ.)ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทยมองว่า
ภาวะเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและมีแนวโน้มดีขึ้นหลังการเมืองมีความ
ชัดเจน ทำให้เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 4.2%
และทั้งปีจะโต 2% ต่อเนื่องถึงปี 2558 คาดว่าจะโต 3.5-4.5%
มั่นใจส่งออกโตไม่น้อยกว่า 3%
สอดคล้องกับนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทรูบิคอนฯ
ที่กล่าวว่าครึ่งปีหลัง ต้องดีกว่าครึ่งปีแรกแน่นอน
และมั่นใจว่าจีดีพีทั้งปีโต 2% บวก
ขณะที่ภาคส่งออกสุดท้ายแล้วเชื่อว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 3%
ผู้ส่งออกมีการรุกหนักตลาดเก่าและเพิ่มบทบาทในตลาดใหม่มากขึ้น
โดยภาพรวมที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้นเกิดจากที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น
โดยเหตุที่คสช.ผลักดันงบประมาณค้างท่อปี 2557 นำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ
ส่วนงบประมาณปี 2558 ก็มีความคืบหน้า
ขณะที่ภาคท่องเที่ยวก็มีการผลักดันให้มีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น
โดยมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้กับจีนและไต้หวัน
รวมถึงให้มีวันหยุดติดต่อกันเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว
และจากนี้ไปคาดว่าในประเทศไทยจะมีงานประชุมและสัมมนามากขึ้น
แนะฟื้นฟูภาพลักษณ์ตปท.
อย่างไรก็ตามนับจากนี้ไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องจับมือกับภาคเอกชนร่วม
กันฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศ ไทย โดยชี้แจงผ่านหอการค้าต่างประเทศ
และเน้นให้กระทรวงการต่างประเทศทำงานในเชิงรุกมากขึ้น
รวมถึงการผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ทั้งรถไฟรางคู่
ถนน และขนส่งทางน้ำ และการดูแลการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ
" สมคิด" ทูตเจรจาฟื้นเชื่อมั่น
นายนิพิฐ อรุณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท นวนคร
จำกัด(มหาชน) (บมจ.)
กล่าวให้ความเห็นว่าจากนี้ไปคสช.จะต้องจับมือกับบริษัทเอกชนเพื่อจัดสรรงบลง
สื่อต่างประเทศในการฟื้นฟูภาพลักษณ์ประเทศไทย
โดยเลือกบุคคลที่มีความสัมพันธ์อันดีกับต่างชาติ เช่น ศาสตราภิชาน ดร.สมคิด
จาตุศรีพิทักษ์ มาทำหน้าที่ทูตพิเศษ เพื่อชี้แจงความเชื่อมั่น
และร่วมมือกับพันธมิตรแสดงความเห็นต่อประเทศไทยถึงบรรยากาศภายในประเทศในสาย
ตาต่างชาติ รวมถึงการเปิดช่องให้สื่อต่างชาติสัมภาษณ์
ทุนเอฟดีไอเดินสายดูพื้นที่40%
นายนิพิฐกล่าวย้ำว่าการสร้างภาพลักษณ์การลงทุนไทยในสายตาต่างชาติเริ่มดี
ขึ้นตามลำดับ วัดได้จากขณะนี้ บรรยากาศภายในนิคมอุตสาหกรรมนวนคร
เริ่มคึกคักขึ้นแล้ว
นับจากที่บีโอไอทยอยอนุมัติโครงการลงทุนที่ค้างท่อออกมา
ทำให้มองเห็นการเปลี่ยนแปลง
เพราะมีนักลงทุนกลับมาเดินสายดูพื้นที่ตั้งโรงงาน บางรายก็ตกลงซื้อที่ดิน
แต่ก็เป็นสัญญาณบวกที่เกิดขึ้นแล้ว
และหากเปรียบเทียบเป็นตัวเลขจากที่เคยมีนักลงทุนใหม่เข้ามาติดต่อกับบริษัท
100% ขณะนี้ก็กลับมาแล้ว 40%
โดยนับจากนี้ไปภาพการลงทุนใหม่จากทุนต่างชาติโดยเฉพาะญี่ปุ่น จีน
และสิงคโปร์จะเพิ่มขึ้น
ด้านนายทวิช เตชะนาวากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท
ไทยอินดัสเตรียล เอสเตท จำกัด ผู้บริหาร นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค)
เปิดเผยว่า ครึ่งปีหลังการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ)
จะคึกคักขึ้นโดยมีเครื่องมือ 3 ทางเป็นตัวช่วยคือ
1.บีโอไอเดินสายโรดโชว์เรียกความเชื่อมั่น 2.
กระทรวงพาณิชย์ใช้ช่องทางการทูตประชาสัมพันธ์และมองหาตลาดใหม่
3.กระทรวงการต่างประเทศเร่งชี้แจงปัญหาการเมืองคลี่คลาย ถ้า 3
ทางนี้ทำได้พร้อมกันจะเกิดผลเชื่อมโยงมาถึงภาคการท่องเที่ยวที่อีก 2
เดือนนับจากนี้ไปก็เข้าสู่ฤดูไฮซีซันแล้วในช่วง 3 เดือนสุดท้าย
เช่นเดียวกันกับนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิลล์คอนสตีล จำกัด (มหาชน) (บมจ.)
ที่ระบุว่าภาพรวมเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มสดใส
แตกต่างจากช่วงครึ่งปีแรกอย่างสิ้นเชิง ขณะที่คสช. ก็ตั้งเป้าหมายว่า
ภายในเดือนกันยายนนี้จะมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ
ทำให้โครงการลงทุนต่างๆ ขับเคลื่อนไปได้อย่างคล่องตัว
โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ รวมทั้งการใช้จ่ายของผู้บริโภค
ก็จะดีขึ้นด้วย
ทั้งหมดจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจครึ่งปีหลังขยายตัวเป็นบวก
กำลังซื้อฟื้นตัวต่อเนื่อง
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (บมจ.)
กล่าวว่า
กำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลังเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แต่ยังไม่กลับมาเป็นปกติเพราะว่านักท่องเที่ยวยังไม่กลับเข้ามาเที่ยวเหมือน
ช่วงก่อนหน้า จึงต้องใช้เวลาอีกสักระยะที่สำคัญ คสช.จะต้องไม่มีปฏิ
กิริยาที่ทำให้ชาวต่างชาติกังวล
และคงจะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้มากขึ้นด้วย
สัญญาณดีแต่บุ๊กกิ้งยังไม่สูง
นางพงา วรรธนะกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่
กลุ่มธุรกิจเครือโรงแรม รอยัลคลิฟ และศูนย์ประชุมพีช พัทยา
ให้ความเห็นต่อแนวโน้มการท่องเที่ยวช่วงครึ่งหลังของปีนี้ว่า
ยอดการจองห้องพักล่วงหน้ายังไม่สูงเท่าที่ควร
ขณะที่ช่วงไฮซีซันนี้ก็ยังมีแนวโน้มเงียบเหงากว่าทุกปี
ส่วนฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่อย่างกลุ่มคอร์ปอเรต จัดประชุมสัมมนา
ยังไม่ตัดสินใจจองห้องพัก
เนื่องจากประกันภัยยังไม่คุ้มครองจากการออกประกาศเตือนการเดินทางมาไทยของ
ประเทศต่างๆ
คุ้มครองทัวริสต์หัวละล้าน
นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวัน
ออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า
เพื่อเร่งสร้างความเชื่อมั่นกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ททท.ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในโครงการ "
ประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ"
ร่วมกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยหรือ คปภ.
และบริษัทประกันภัย 4 บริษัท เพื่อร่วมโปรโมตแพ็กเกจประกันภัยนักท่องเที่ยว
(ทราเวลแพลน) ภายใต้คอนเซ็ปต์ " ไทยแลนด์ ทราเวลชีลด์ (Thailand Travel
Shield)" โดยคุ้มครองนับตั้งแต่นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทย
คุ้มครองในวงเงิน 1 ล้านบาท กรณีเกิดอุบัติเหตุ ลักทรัพย์
ตลอดจนไฟลต์บินดีเลย์คาดว่าจะสามารถขายแพ็กเกจดังกล่าวได้ภายในอาทิตย์หน้า"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น